3 กระทรวง "วิทย์-สาธารณสุข-ศึกษาฯ" ร่วมเปิดตัว "ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี"

ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี YMID 3 กระทรวง "วิทย์-สาธารณสุข-ศึกษาฯ" ร่วมเปิดตัว "ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี" (Yothi Medical Innovation District: YMID)" วางเป้าหมายให้เป็นศูนย์รวมของการสร้างนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ เป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย สร้างผลิตภัณฑ์เชิงมูลค่า สร้างนักวิจัย
 

3 กระทรวง "วิทย์-สาธารณสุข-ศึกษาฯ" ร่วมเปิดตัว "ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี” (Yothi Medical Innovation District: YMID)" วางเป้าหมายให้เป็นศูนย์รวมของการสร้างนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ เป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย สร้างผลิตภัณฑ์เชิงมูลค่า สร้างนักวิจัย สร้างเครือข่ายองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับ THAILAND 4.0 ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นพื้นที่นวัตกรรมต้นแบบของโลกในอนาคต

 

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พร้อมด้วยศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมเปิดตัว “ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี” (Yothi Medical Innovation District) ภายในงาน Innovation Thailand Expo 2018: ITE 2018 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

 

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วท. กล่าวว่า ทั้งสามกระทรวงได้ร่วมผลึกกำลังจัดตั้ง “ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี” โดยมีแนวคิดที่จะร่วมกันส่งเสริมให้การแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศไทยสามารถแข่งขันในระดับโลกได้และยกระดับเป็นศูนย์รวมของการสร้างนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ อาทิ การพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล (Tele-Medicine), การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine), สมุนไพรรักษาโรค, การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์และการสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งการร่วมมือกันของทั้ง 3 กระทรวง ถือเป็นมิติใหม่ของการปฏิรูประบบราชการของภาครัฐอย่างแท้จริง

 

ทั้งนี้ "ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี" คือผลของการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ที่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากการมีศักยภาพด้านการแพทย์และการสาธารณสุขเป็นที่ยอมรับในระดับโลก จึงเกิดพลังความร่วมมือที่สร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับประชาชนในประเทศ พร้อมทั้งแบ่งปันทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อสร้างพื้นที่นวัตกรรมที่เป็นต้นแบบของโลกในอนาคต ตลอดจนมีการกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการพัฒนาสิ่งใดบ้างในระยะ 3-5-10 ปีข้างหน้า อีกทั้งมีแนวทางที่จะขยายผลการดำเนินงานจากย่านโยธีไปยังย่านอื่น ๆ เช่น ย่านปทุมวัน พระราม 4 เป็นต้น

 


ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สธ. กล่าวว่า พื้นที่ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีคือ บริเวณโดยรอบย่านโยธีและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น Hospital Square เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลจำนวนมาก ทั้งโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งเป็นที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น ทำให้เป็นพื้นที่ที่สามารถตอบสนองการให้บริการทางการแพทย์และสามารถรองรับปริมาณคนไข้ที่เข้ามาในพื้นที่ได้จำนวนมาก

จึงเป็นโอกาสดีที่จะจัดตั้งให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการบูรณาการและดึงศักยภาพของแต่ละหน่วยงานด้านการแพทย์มาพัฒนาให้เกิดเป็นย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ทั้งนี้ ความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมทางการแพทย์ประสบผลสำเร็จ ทั้งความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐเอง รวมถึงการเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

 


ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศธ. กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่ามีศักยภาพด้านการบริการสุขภาพที่ไม่เป็นรองประเทศใดในโลก โดยจะเห็นได้จากข้อมูลสถิติในแต่ละปีที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยในแต่ละปี ซึ่งแม้ว่าเราจะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถในทุกระดับ แต่ยังสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ได้น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่เน้นการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์จากต่างประเทศ

 

ทั้งนี้ ในย่านดังกล่าวมีสถาบันการแพทย์กว่า 20 แห่ง โรงพยาบาลกว่า 10 แห่ง รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยรวมจำนวนแล้วหลายหมื่นคน จึงเป็นโครงการที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ และมุ่งเน้นการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจให้เกิดการลงทุนด้านการแพทย์ให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยสร้างผลิตภัณฑ์เองได้ พึ่งพาตนเองลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และนำไปสู่ความเป็นเลิศระดับโลก

 

ทั้งนี้ มุ่งหวังให้ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี เป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย สร้างผลิตภัณฑ์เชิงมูลค่า สร้างนักวิจัย ตลอดจนสร้างเครือข่ายองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับ Thailand 4.0 และการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ให้มีผลสัมฤทธิ์เชิงประจักษ์และเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : https://www.egov.go.th/th/content/10301/6193/

วันที่ : 8 ตุลาคม 2561